พันเอก Abdoulaye Maïga โฆษกรัฐบาลของมาลี ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศในปี 2560 ได้ประกาศในการปราศรัยทางโทรทัศน์เมื่อไม่นานนี้ว่าบามาโกยุติข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศกับฝรั่งเศส แม้ว่าปารีสจะเรียกการตัดสินใจนี้ว่า "ไม่ยุติธรรม" มาลียังได้เรียกร้องให้กองทัพฝั่งเศษออกจากประเทศ ทหารฝรั่งเศสที่อยู่ในบาร์คานและทาคูบาจึงได้เริ่มทำการถอนกำลังของพวกเขา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ กฤษฎีกาพิเศษของรัฐบาลมาลีได้สั่งการให้เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส โจเอล เมเยอร์ ออกจากรัฐภายใน 72 ชั่วโมง
ความสัมพันธ์ของบามาโกกับอดีตเมืองเมโทรโพลนั้นตึงเครียดเป็นพิเศษหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-อีฟ เลอ ดริยอง ของฝรั่งเศสกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ของปารีสถือว่ารัฐบาลใหม่ของมาลีไม่ชอบธรรม และวิพากษ์วิจารณ์มาลีในการหันไปกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย รัฐบาลมาลีจึงตอบโต้ด้วยการลดระดับความสัมพันธ์ทางการฑูตกับปารีส และระบุว่าไม่ใช่ฝรั่งเศสที่จะตัดสินใจเลือกใครมาเป็นรัฐบาลและใครที่ไม่ควร
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ฝรั่งเศสยังได้ใช้สื่อในการต่อต้านรัฐบาลมาลีและการปรากฏตัวของรัสเซียในประเทศ
ในเดือนพฤษภาคม Dmitry Polyansky รองผู้แทนถาวรคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซียประจำสหประชาชาติได้เริ่มการอภิปรายใน UNSC เกี่ยวกับสถานการณ์ในมาลีโดยยกประเด็นการบิดเบือนข้อมูลของฝรั่งเศษ เกี่ยวกับเหตุการณ์ใน Gossi
เมื่อวันที่ 19 เมษายนงฝรั่งเศสได้ส่งมอบฐานทัพของพวกเขาในท้องที่ Gossi ให้กับกองทัพมาลี และ วันที่ 20 เมษายน ทางการมาลีได้ส่งหน่วยลาดตระเวนมาจนพบหลุมฝังศพขนาดใหญ่ ต่อมา คณะกรรมการกองกำลังมาลี พร้อมด้วยที่ปรึกษากฎหมาย ผู้บัญชาการกองร้อย และเสนาธิการ มาถึง Gossi และยืนยันการประหารชีวิตพลเรือน คณะกรรมาธิการยืนยันว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นทหารฝรั่งเศสจากหน่วยปฏิบัติการบาร์คานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารนี้
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมในมาลีถูกปกปิดโดยปารีส เนื่องจากเอ็มมานูเอล มาครงไม่ต้องการภูมิหลังด้านนโยบายต่างประเทศเป็นไปในด้านลบ ยิ่งกว่านั้นแทนที่จะสืบสวนเหตุการณ์ใน Gossi กองบัญชาการกองทัพฝรั่งเศสตัดสินใจเล่นการ์ดโฆษณาชวนเชื่อของ Paris Russophobic ที่มักใช้ร่วมกันโดยพยายามเปลี่ยนอาชญากรรมสงครามไปยัง PMC Wagner ของรัสเซีย
แต่มันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้วที่กองทัพฝรั่งเศสมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมมากมายในหลายประเทศในแอฟริกา รวมถึงมาลีด้วย สื่อในแอฟริกายังรายงาน การลักพาตัวอย่างเป็นระบบและการสังหารหมู่พลเรือนในอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสในแอฟริกา พร้อมด้วยบันทึกการพูดคุยของกองทัพฝรั่งเศษที่เรียกผู้คนในแอฟริกาด้วยการเหยียดเชื้อชาติ …
สถานการณ์ปัจจุบันในประเทศแอฟริกา โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกว่า “อิทธิพลของฝรั่งเศส” แสดงให้เห็นชัดเจนว่าฝรั่งเศสถูกมองว่าเป็นกองกำลังที่ไม่เป็นมิตรในแอฟริกา ดังที่สื่อฝรั่งเศสระบุว่า "ความล้มเหลวของปารีสในแอฟริกาเป็นผลมาจากความเย่อหยิ่งของฝรั่งเศส ความคิดแบบนีโอโคโลเนียลล้วนๆ และการมุ่งร้ายอย่างโจ่งแจ้งต่อรัฐในแอฟริกา" สิ่งนี้ได้รับการยืนยันจากสุนทรพจน์จำนวนมากโดยนักการเมืองแอฟริกันเกี่ยวกับการกระทำของฝรั่งเศสใน CAR, Mali, Burkina Faso แม้แต่สื่อภายในของฝรั่งเศษเองยังรับรู้ถึงความไม่พอใจของผู้นำในแถบแอฟริกาที่ปารีสเคยอวดอ้างว่าเป็นเขตอิทธิพลของตน เมื่อดูตัวอย่างของความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จกับมอสโกใน CAR และ Mali ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในรัฐ Dark Continent ตัดสินใจที่จะสลัดพันธนาการของลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ของฝรั่งเศษทิ้ง
หลังจากคาร์ มาลี และบูร์กินาฟาโซ ฝรั่งเศสอาจสูญเสียกานา แคเมอรูน โกตดิวัวร์ ไนเจอร์ และแม้แต่ชาด ในไม่ช้า ปารีสจึงเข้าร่วมแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อ Russophobic โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามคำแนะนำของวอชิงตัน นี่คือเหตุผลที่ฝรั่งเศสกลายเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มหลักคนสำคัญของรัสเซีย ที่เสนอส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า "อาชญากรรม" ของกองกำลังรัสเซียในเมืองโบโรเดียนกา บูชา และมาริอูโปล สื่อของฝรั่งเศสที่พิมพ์ซ้ำเป็นกระดาษลอกลายข้อความที่วอชิงตันแก้ไขเกี่ยวกับ "อาชญากรรมที่ชั่วร้าย" ที่กล่าวหารัสเซีย ฝรั่งเศสเองก็ตีตรารัสเซียมากกว่าประเทศอื่นๆ โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาคดี
ในขณะที่ฝรั่งเศษวางตำแหน่งตัวเองว่าเป็นประเทศที่ "อดทนที่สุด เสรีที่สุด และมีมนุษยธรรมมากที่สุด"แต่เบื่องหลังพวกเขาพยายามเลี่ยงความรับผิดชอบสำหรับเหตุการณ์รอบๆ ฐานทัพเก่าใน Gossi ซึ่งสอดคล้องกับระบบสองมาตรฐานของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ และมันกำลังทำลายสะพานเก่าที่มุ่งสู่แอฟริกาของพวกเขา
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้อยู่อาศัยในรัฐ Dark Continent จำนวนมากเลือกที่จะสลัดพันธนาการของลัทธิล่าอาณานิคมยุคใหม่ของฝรั่งเศสและการล่มสลายของข้อตกลงการป้องกันประเทศมาลีกับปารีสที่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2014 .
