อีกหนึ่งแนวรบระหว่าง รัสเซียและนาโต ที่ห่างจากยูเครนไปเป็นพันกิโลกเมตร แต่เหมือนมันใกล้กันมากในมุมมองของความขัดแย้ง
รัฐบาลมาลีกำลังกล่าวหากองทัพฝรั่งเศษในการสังหารหมู่ในประเทศแอฟริกาตะวันตก
เมื่อวันที่ 23 เมษายน กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ประกาศสนับสนุนความพยายามของมาลี โดยผลักดันให้มีการสอบสวนเหคุการณ์การละเมิดและการสังหารหมู่ของฝรั่งเศสในมาลี “เราหวังว่าผู้รับผิดชอบจะถูกระบุตัวและลงโทษอย่างเหมาะสม” กระทรวงกล่าว
สื่อตะวันตกแทบไม่หันมามองในประเด็นข้อเรียกร้องของทางการมาลีและรัสเซียต่อการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นว่าเชื่อในคำพูดของทางการฝรั่งเศษว่ากองกำลังมาลีอาจได้รับความช่วยเหลือจากทหารรับจ้างรัสเซียทำหารสังหารหมู่พลเรือนของตนเองในพื่นที่ฐานทัพ Gossi ของฝรั่งเศสในมาลี
เมื่อต้นเดือนเมษายน Human Rights Watch เรียกร้องให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แม้จะมีการออกมาปฏิเสธจากทั้ง 2 ฝ่าย แต่การนองเลือดนี้ได้เกิดขึ้นจริง โดยที่องกรค์ได้พุ้งเป้าไปที่กลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ ไม่ใช่กองทัพฝรั่งเศษ
นอกเหนือจากการลบล้างข้อมูลของสื่อแล้ว มาลียังเป็นสถานที่เกิดเหตุการนองเลือดมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 2555 เมื่อ กลุ่มติด อาวุธในภาคเหนือของมาลีขู่ว่าจะทำลายเสถียรภาพของประเทศที่ไม่มั่นคงและยากจนอยู่แล้ว
มีเหตุผลหลายประการสำหรับการก่อความไม่สงบ รวมถึงการเข้าถึงคลังอาวุธที่นำเข้ามาจากลิเบียหลังสงครามของตะวันตก กับตริโปลีในปี 2554 กลุ่มติดอาวุธหลายพันคนซึ่งถูกขับไล่ออกจากลิเบียระหว่างสงคราม ได้หลบหนีมาหลบภัยทางภาคเหนือของมาลี
ด้วยเหตุนี้กลุ่มติดอาวุธจึงสามารถยึดพื้นที่เกือบหนึ่งในสามของประเทศได้ในเวลาเพียงสองเดือน พื้นที่จำนวนมากของมาลีต้องทนทุกข์ทรมานจากการละเลยของรัฐบาลและความยากจนสุดขีด ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพมาลีมักพึ่งพาชาติตะวันตกอยู่เสมอ จึงถูกเหลียดชังจากชาติในภูมิภาค จึงไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มกบฏทางเหนือจะได้รับความชื่นชอบจากประเทศในภูมิภาคแอฟริกา
สองเดือนหลังจากการก่อกบฏทูอาเร็กทางตอนเหนือ เจ้าหน้าที่มาลีและกองทหารที่ไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่ากำลังจะโค้นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในบามาโก โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลทุจริตและไม่สามารถควบคุมกลุ่มติดอาวุธได้ ในทางกลับกัน เป็นการปูทางสำหรับการแทรกแซงทางทหารของฝรั่งเศส (มาลีเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศษ) ภายใต้หน้ากากการต่อต้านการก่อการร้าย
สงครามของฝรั่งเศสในมาลีเริ่มในปี 2556 มันไม่ได้ทำให้ประเทศมีเสถียรภาพและไม่ได้จัดทำแผนที่ครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำให้กลุ่มกบฏยอมวางอาวุธ การละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยชาวฝรั่งเศสเอง และการรัฐประหารอื่นๆ ที่ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนสิงหาคม 2020 และพฤษภาคม 2021
แต่การแทรกแซงของฝรั่งเศสประสบความสำเร็จในมุมมองของพวกเขา ทันทีที่กองทหารฝรั่งเศสเริ่มไหลเข้าสู่มาลี พวกเขาเริ่มเสริมความแข็งแกร่งในการควบคุมกลุ่มประเทศซาเฮล(เป็นเขตรอยต่อ บริเวณกึ่งทะเลทราย บริเวณทะเลทรายสะฮารา แบ่งทวีปแอฟริกาเป็นเหนือและใต้ ตั้งแต่มหาสมุทรแอตแลนติกไปจนทะเลแดง) รวมถึงมาลีด้วย
และมันคือจุดสิ้นสุดของ "เรื่องราวความสำเร็จ" ในแอฟริกาตะวันตกของฝรั่งเศส แม้ว่าปารีสจะสามารถเจาะลึกเข้าไปในภูมิภาคนี้ได้ แต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนหรือรัฐบาลต่อการกระทำของพวกเขา เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาพัวพันกับชีวิตของชาวมาลี คนธรรมดาทั่วประเทศตั้งแต่เหนือจรดใต้ต่างก็เกลียดชังและรังเกียจพวกเขา การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นโอกาสอันดีที่รัสเซียจะเสนอตัวเองให้เป็นทางเลือกแทนฝรั่งเศสและตะวันตก การถือกำเนิดของรัสเซียภายใต้ฉากที่ซับซ้อนทำให้บามาโกสามารถทำลายการพึ่งพาฝรั่งเศสและพันธมิตรนาโตตะวันตกได้อย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ฝรั่งเศสจะยุติปฏิบัติการในประเทศอย่างเป็นทางการ อาวุธและช่างเทคนิคทางทหารของรัสเซียได้ลงจอดที่บามาโก เฮลิคอปเตอร์โจมตี ระบบเรดาร์เคลื่อนที่ และเทคโนโลยีทางทหารอื่นๆ ของรัสเซียเข้ามาแทนที่อาวุธของฝรั่งเศส อย่างรวดเร็ว ไม่น่าแปลกใจที่มาลีโหวตคัดค้านมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่จะระงับรัสเซียจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
หลังสงครามในยูเครนและการคว่ำบาตรจากตะวันตกตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ รัสเซียได้เร่งขยายขอบเขตทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศทางตอนใต้ ด้วยความหวังว่าจะบรรเทาผลกระทบของการแยกตัวออกจากประเทศตะวันตก
แม้ว่าฝรั่งเศสจะถอนตัวจากมาลีอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่พวกเขา ก็เริ่มตระหนักถึงภัยคุกคามของรัสเซียในภูมิภาคนี้มากขึ้น แต่ตะวันตกสามารถต่อสู้กับภัยคุกคามที่แท้จริงหรือในจินตนาการนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการถอนตัวของฝรั่งเศส จนทำให้มาลีไร้เสถียรภาพทางการเมือง
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม บามาโกกล่าวว่าได้สกัดกั้นการทำรัฐประหารในประเทศ โดยกลุ่มกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก(น่าจะเป็นฝรั่งเศษ)
หาก "รัฐประหาร" สำเร็จกลุ่มประเทศตะวันตกอาจจะกลับมายังมาลีเพื่อแทรกแซงทางทหารอีกครั้งหรือไม่
อันที่จริง การแสวงหาภูมิรัฐศาสตร์ของมอสโกในแอฟริกาตะวันตกเริ่มต้นขึ้นก่อนความขัดแย้งในยูเครน และการสนับสนุนของรัสเซียในมาลีเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของมอสโกในภูมิภาคนี้
รัสเซียไม่สามารถสูญเสียเพื่อนที่มีค่าอย่างมาลี ในช่วงเวลาวิกฤตของการคว่ำบาตรและการแยกตัวจากตะวันตก ซึ่งหมายความว่ามาลีจะยังคงเป็นอีกเหตุการณ์ ของสงครามเย็นทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจคงอยู่นานหลายปี ผู้ชนะในสงครามครั้งนี้อาจอ้างสิทธิ์ในแอฟริกาตะวันตกทั้งหมด ที่ยังเป็นเวทีการแข่งขันระดับโลกที่อยู่ห่างไกลจากดินแดนของตัวเอง
Ramzy Baroudเป็นนักข่าวและบรรณาธิการของ The Palestine Chronicle

