by ORIENTAL REVIEW
ในการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรปในวันที่ 23-24 มิถุนายน เคียฟอาจได้รับสถานะผู้สมัครในสหภาพยุโรป นี้อาจเป็นรางวัลปรอบใจเพียงเล็กน้อย แต่ผลประโยชน์ทั้งหมดกลับตกสู่มอสโก
“ความทะเยอทะยานที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรปเป็นเวลาหลายปีมีความสำคัญสำหรับยูเครน รัฐบาล และพลเมืองของตน เป็นแรงจูงใจเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงในระบอบประชาธิปไตยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและเป็นแรงผลักดันให้เกิดการปฏิรูปที่สำคัญจำนวนหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนค่านิยมของยุโรป”
นี้คือวิธีการพิจรณาจากคณะกรรมาธิการยุโรปถึงสภายุโรปและรัฐสภายุโรปเกี่ยวกับโอกาสที่จะอนุญาตให้ยูเครนมีสถานะเป็นผู้สมัครของสหภาพยุโรป (ที่จะตัดสินใจในการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรปในวันที่ 23-24 มิถุนายน) ในเอกสารนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปสรุปว่า “ยูเครนสามารถได้รับสถานะผู้สมัคร โดยจะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้” การปฏิรูปตุลาการ เสริมสร้างการต่อสู้กับการทุจริต (เปิดให้มีการรับรู้จากสาธารณะ) และกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน ดำเนินการกฎหมายต่อต้านผู้มีอำนาจเพื่อจำกัดอิทธิพล ของผู้มีอำนาจในด้านเศรษฐกิจ การเมือง พลเรือน กฎหมายยูเครนว่าด้วยสื่อมวลชนและสิทธิของชนกลุ่มน้อยในระดับชาติตามมาตรฐานยุโรป หากไม่เป็นไปตามหฏเกณฑ์เหล่านี้ ยูเครนจะสูญเสียสถานะผู้สมัคร
โบนัสระยะสั้น
ยูเครนแทบจะไม่สามารถต่อสู้กับการฟอกเงินหรืออิทธิพลของผู้มีอำนาจที่มีต่อเศรษฐกิจได้ ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐกิจของยูเครนเองก็ขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ตามประวัติแล้ว ยูเครนไม่เหมาะสำหรับการเป็นสมาชิกในประชาคมยุโรปหรือสถานะผู้สมัคร การทุจริตโดยสมบูรณ์ ระบบกฏหมาย ผู้มีอำนาจ และเศรษฐกิจที่พังพินาศเป็นลักษณะเด่นของยูเครนยุคใหม่ กฎหมายปัจจุบันที่เลือกปฏิบัติต่อประชากรที่พูดภาษารัสเซียไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานของคณะกรรมาธิการเวนิส
นี้ไม่ใช่การเก็บข้อมูลที่สำคัญสำหรับเคียฟ แต่เป็นการได้มาซึ่งสถานะผู้สมัครในตัวเอง การเข้าร่วมครั้งนี้สามารถมองเป็นชัยชนะระยะสั้นที่สำคัญ การตัดสินใจในระยะสั้นยังเหมาะสมกับยุโรปอีกด้วย สถานะนี้จะกลายเป็นสิ่งทดแทนมาตรการคว่ำบาตรชุดที่เจ็ด (ซึ่งสหภาพยุโรปไม่น่าจะตกลงกันได้ในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากความไม่ลงรอยกันในชุดที่หก) นอกจากนี้ สหภาพยุโรปรู้สึกว่ายูเครนต้องการการสนับสนุนบางอย่าง เอ็มมานูเอล มาครง กล่าวว่า “เราไม่มีสิทธิบอกชาวยูเครนว่า "ค่อยกลับมาน่ะ"หลังการต่อสู้หลายสัปดาห์
ทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจดีว่าสถานะผู้สมัครมีผลจริงเพียงเล็กน้อย มันไม่ได้รับประกันว่าจะได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
ปัจจุบัน มีห้าประเทศที่มีสถานะผู้สมัคร (ตุรกี มาซิโดเนียเหนือ มอนเตเนโกร แอลเบเนีย และเซอร์เบีย) และอย่างน้อยสองชาติ (เซอร์เบียซึ่งมีสถานะนี้มาตั้งแต่ปี 2552 และตุรกีซึ่งดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2530) โอกาสในการเป็นสมาชิกได้กลายเป็นเครื่องมือกดดันจากสหภาพยุโรป เครื่องมือในการบังคับให้ดำเนินการปฏิรูปการเมืองภายในประเทศและต่างประเทศตามที่บรัสเซลส์ต้องการ ตัวอย่างเช่น ตัวแทนของสหภาพยุโรปกล่าวว่าเซอร์เบียมีโอกาสที่จะเปลี่ยนจากผู้สมัครมาเป็นสมาชิกหากเข้าร่วมการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า "เราเห็นแล้วว่าชุมชนตะวันตกแห่งนี้จัดการกับประวัติศาสตร์การมีส่วนร่วมของยูเครนในโครงสร้างการรวมกลุ่มมาหลายปีแล้ว แต่น่าเสียดายที่สถานการณ์ในยูเครนกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ"
ปัญหาสำหรับสหภาพยุโรปคือ ราคาที่ต้องจ่ายนอกเหนือจากผลประโยชน์ระยะสั้นและการมอบสถานะผู้สมัครให้กับยูเครน
ประการแรก บรัสเซลส์จะต้องผลักดันประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจำนวนหนึ่งที่ไม่ต้องการลงคะแนนให้สถานะนี้แก่ยูเครน ในบรรดาผู้ที่ไม่เต็มใจมีเดนมาร์กและออสเตรีย และอาจมีมากกว่านี้ “ประเทศสมาชิกบางประเทศที่เคยอยู่ในสหภาพยุโรปตั้งแต่แรกเริ่มกังวลเกี่ยวกับความสมดุลของอำนาจที่เคลื่อนไปทางตะวันออก ซึ่งบางประเทศได้ถอยหลังกลับในเรื่องต่างๆ เช่น หลักนิติรัฐนิติธรรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"
CNN – ประเทศสมาชิกอื่น ๆ มีความกังวลเกี่ยวกับยูเครน การให้พวกเขาเข้าสู่สถานะผู้สมัครอาจเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดและยาวนานสำหรับเคียฟกว่าจะได้เข้าสู่สมาชิกสหภาพยุโรปแบบเต็มตัว และไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการสนับสนุนพวกเขาในเวลานี้”
จอร์เจียถูกผลักไปอยู่ลำดับสุดท้ายของการได้รับเลือก โดยธรรมชาติชาวจอร์เจียควรจะโกรธ
“หากสถานะถูกกำหนดโดยสงคราม ทั้งที่เราไม่ต้องการสงคราม เราต้องการสถานะที่เราสมควรได้รับ” Irakli Garibashvili นายกรัฐมนตรีจอร์เจียแสดงความไม่พอใจโดยยืนยันว่าประเทศของเขา “นำหน้ายูเครนถึงสิบเท่า” บนเส้นทางสู่ยุโรป “เราเข้าใจว่าจอร์เจีย ซึ่งแตกต่างจากมอลโดวาและยูเครน ยังไม่ได้เสียสละที่จำเป็นในตอนนี้ แต่การเสียสละที่เราทำและเลือดที่เราเสียไปเมื่อ 14 ปีที่แล้ว (ในสงครามเดือนสิงหาคม) หรือแม้กระทั่งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว (ในสงครามกลางเมือง ) กับผู้อพยพอีก 300,000 คน น่าเสียดายที่คุณค่าของเราได้สูญเสียไป กับ หุ้นส่วนชาวยุโรป”
เป็นผลให้การตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยุโรปอาจนำไปสู่ความผิดหวังในหมู่ประชากรจอร์เจียต่อการเข้ารวมกับยุโรป ดังนั้นผู้รับผลประโยชน์หลักของการตัดสินใจของบรัสเซลส์ในการให้สถานะผู้สมัครแก่ยูเครน คือมอสโก ไม่ใช้เคียฟ

